สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ก็มีรถนะ
การมีรถ ทำให้ผมมีโอกาสต่างๆมากมาย
-ได้เที่ยวไปทุกจังหวัดที่อยากไป
-ได้เข้าสังคม ไปบ้านคนโน้นคนนี้ รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ทำให้มี connection ไปยังผู้ที่จะช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มได้ เช่นจ้างเราทำโน่นนี่นั่น มีอะไรให้เราช่วยทำ รู้จักคนที่มีความรู้ด้านต่างๆให้เราได้ปรึกษา
-เมื่อมีงาน ต้องไปรับของ ส่งของ นัดทานข้าวกับลูกค้า หรือผู้ที่จะมาช่วยเหลือเรา เราสามารถไปได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด สามารถไปรับ-ส่งลูกค้าเราได้
- ผมสามารถรับงานลูกค้าได้ โดยไม่ต้องแคร์ว่า งานที่ผมจะไปทำนั้น ต้องมีรถสาธารณะผ่านหรือไม่ (ลองเจอคู่ค้า หรือคนที่ต้องไปติดต่อ อยู่ในหมู่บ้านลึกๆ เข้าจากป้อมยามหน้าหมู่บ้านไกลเป็นกิโลเมตร แล้วจะเข้าใจ)
ผมสามารถเดินไปห้าง แล้วขนของที่ซื้อมาใส่รถได้ตามสบายใจ ไม่ต้องแบกทุเรียน3ลูกขึ้นรถเมลล์ต่อวินมอเตอร์ไซด์เข้าบ้าน
- ส่งรถหมด ผมได้รถ1คัน ในขณะที่ หากไม่ผ่อนรถ ก็ไม่มีอะไร (มีมนุษย์เงินเดือนซักกี่คน ที่ไม่มีรถยนต์ใช้ แล้วมีเงินเก็บเท่าราคารถ)
- ทุกวันนี้ ผมมีบริษัทเป็นของตัวเอง เพราะผมมีรถ เลยกล้าที่จะรับงาน วิ่งงาน ติดต่องาน นัดลูกค้าคุยธุรกิจตามร้านอาหาร มีสังคมที่เป็นผู้บริหารด้วยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มูลค่าทรัพย์สินที่มีจากการใช้รถ มากกว่าราคารถเป็น10เท่า และกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
เอาเป็นว่า ถ้าผมไม่มีรถยนต์ ผมคงไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง อย่างทุกวันนี้ คงใช้ชีวิตชิวๆ นั่งรถเมลล์ไปทำงาน ไม่ต้องคิดอะไร คิดไปว่า เราไม่เป็นหนี้ ก็สบายดีแล้ว อย่าคิดเป็นหนี้เลย ปล่อยให้พวกไม่พอเพียงซื้อรถซึ่งเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปเถอะ เดี๋ยวมันไม่มีเงินส่ง ก็โดนยึดรถ
เคยสังเกตุไหมว่า ทำไมเพื่อๆที่เรียนห่วยกว่าคุณ ใช้ชีวิตแบบดิบๆ ไม่ค่อยคิดอะไรกับชีวิต ไม่ค่อยฉลาดในการใช้ชีวิตแบบคุณ
แต่พวกเขาดัน มีรถ มีบ้าน มีครอบครัว มีงานการดีๆทำ ทั้งๆก็เห็นว่าเขาชักหน้าไม่ถึงหลัง ดิ้นหาเงินแทบตายเพื่อส่งรถ ส่งบ้าน คุณมัวแต่คิดว่าพวกเขาเผอิญได้โอกาสที่ดีกว่าคุณ ตัวคุณเองที่โชคไม่ค่อยดี ไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่น เลยเป็นอยู่เช่นทุกวันนี้
เพราะคุณไม่คิดซื้อโอกาสให้ตัวเอง มัวแต่รอโอกาสให้มาชนคุณเอง
ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนซื้อรถนะครับ คนที่รู้จักใช้โอกาสจากรถที่มี เท่านั้นครับที่ควรซื้อรถ พวกที่ซื้อมาแล้วจอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่รวยจริง ไม่แนะนำ
แต่สำหรับคนที่คิดว่า ควรซื้อบ้านก่อนซื้อรถ ถ้าคุณไม่ซื้อบ้านเงินสด หรือโปะบ้านให้หมดเร็วๆ แล้วไปซื้อบ้านแพงๆ ที่คิดว่าส่งเดือนละน้อยๆ ดีกว่าเช่าบ้าน คุณจะเจอปัญหา ส่งบ้านเดือนละ 3หมื่น เป็นดอกซะ 2หมื่น5 ส่งมา 10ปี หนี้ลดไปไม่ถึง20%
ถ้าเงินเดือนไม่เยอะกว่าการส่งบ้านซัก 3หมื่น ยากมากที่คุณจะมีโอกาสได้ซื้อรถใหม่ ในช่วงที่ผ่อนบ้านอยู่ เว้นแต่จะรีไฟแนนซ์บ้านเอาเงินสดไปซื้อรถ
ส่วนกรณีของ จขกท. ยังไม่ควรซื้อรถครับ รายจ่ายมากไป
การมีรถ ทำให้ผมมีโอกาสต่างๆมากมาย
-ได้เที่ยวไปทุกจังหวัดที่อยากไป
-ได้เข้าสังคม ไปบ้านคนโน้นคนนี้ รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ทำให้มี connection ไปยังผู้ที่จะช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มได้ เช่นจ้างเราทำโน่นนี่นั่น มีอะไรให้เราช่วยทำ รู้จักคนที่มีความรู้ด้านต่างๆให้เราได้ปรึกษา
-เมื่อมีงาน ต้องไปรับของ ส่งของ นัดทานข้าวกับลูกค้า หรือผู้ที่จะมาช่วยเหลือเรา เราสามารถไปได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด สามารถไปรับ-ส่งลูกค้าเราได้
- ผมสามารถรับงานลูกค้าได้ โดยไม่ต้องแคร์ว่า งานที่ผมจะไปทำนั้น ต้องมีรถสาธารณะผ่านหรือไม่ (ลองเจอคู่ค้า หรือคนที่ต้องไปติดต่อ อยู่ในหมู่บ้านลึกๆ เข้าจากป้อมยามหน้าหมู่บ้านไกลเป็นกิโลเมตร แล้วจะเข้าใจ)
ผมสามารถเดินไปห้าง แล้วขนของที่ซื้อมาใส่รถได้ตามสบายใจ ไม่ต้องแบกทุเรียน3ลูกขึ้นรถเมลล์ต่อวินมอเตอร์ไซด์เข้าบ้าน
- ส่งรถหมด ผมได้รถ1คัน ในขณะที่ หากไม่ผ่อนรถ ก็ไม่มีอะไร (มีมนุษย์เงินเดือนซักกี่คน ที่ไม่มีรถยนต์ใช้ แล้วมีเงินเก็บเท่าราคารถ)
- ทุกวันนี้ ผมมีบริษัทเป็นของตัวเอง เพราะผมมีรถ เลยกล้าที่จะรับงาน วิ่งงาน ติดต่องาน นัดลูกค้าคุยธุรกิจตามร้านอาหาร มีสังคมที่เป็นผู้บริหารด้วยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มูลค่าทรัพย์สินที่มีจากการใช้รถ มากกว่าราคารถเป็น10เท่า และกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
เอาเป็นว่า ถ้าผมไม่มีรถยนต์ ผมคงไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง อย่างทุกวันนี้ คงใช้ชีวิตชิวๆ นั่งรถเมลล์ไปทำงาน ไม่ต้องคิดอะไร คิดไปว่า เราไม่เป็นหนี้ ก็สบายดีแล้ว อย่าคิดเป็นหนี้เลย ปล่อยให้พวกไม่พอเพียงซื้อรถซึ่งเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปเถอะ เดี๋ยวมันไม่มีเงินส่ง ก็โดนยึดรถ
เคยสังเกตุไหมว่า ทำไมเพื่อๆที่เรียนห่วยกว่าคุณ ใช้ชีวิตแบบดิบๆ ไม่ค่อยคิดอะไรกับชีวิต ไม่ค่อยฉลาดในการใช้ชีวิตแบบคุณ
แต่พวกเขาดัน มีรถ มีบ้าน มีครอบครัว มีงานการดีๆทำ ทั้งๆก็เห็นว่าเขาชักหน้าไม่ถึงหลัง ดิ้นหาเงินแทบตายเพื่อส่งรถ ส่งบ้าน คุณมัวแต่คิดว่าพวกเขาเผอิญได้โอกาสที่ดีกว่าคุณ ตัวคุณเองที่โชคไม่ค่อยดี ไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่น เลยเป็นอยู่เช่นทุกวันนี้
เพราะคุณไม่คิดซื้อโอกาสให้ตัวเอง มัวแต่รอโอกาสให้มาชนคุณเอง
ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนซื้อรถนะครับ คนที่รู้จักใช้โอกาสจากรถที่มี เท่านั้นครับที่ควรซื้อรถ พวกที่ซื้อมาแล้วจอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่รวยจริง ไม่แนะนำ
แต่สำหรับคนที่คิดว่า ควรซื้อบ้านก่อนซื้อรถ ถ้าคุณไม่ซื้อบ้านเงินสด หรือโปะบ้านให้หมดเร็วๆ แล้วไปซื้อบ้านแพงๆ ที่คิดว่าส่งเดือนละน้อยๆ ดีกว่าเช่าบ้าน คุณจะเจอปัญหา ส่งบ้านเดือนละ 3หมื่น เป็นดอกซะ 2หมื่น5 ส่งมา 10ปี หนี้ลดไปไม่ถึง20%
ถ้าเงินเดือนไม่เยอะกว่าการส่งบ้านซัก 3หมื่น ยากมากที่คุณจะมีโอกาสได้ซื้อรถใหม่ ในช่วงที่ผ่อนบ้านอยู่ เว้นแต่จะรีไฟแนนซ์บ้านเอาเงินสดไปซื้อรถ
ส่วนกรณีของ จขกท. ยังไม่ควรซื้อรถครับ รายจ่ายมากไป
ความคิดเห็นที่ 17
ลองสมมติเหตุการณ์ว่าคุณถอยรถ eco car รุ่นธรรมดา มาสักคัน
มาดูกันว่าผ่านไปสิบสองปี คุณจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยเท่าไหร่
สำหรับ almera ถ้าวิ่ง เดือนละ 20000โล ใช้งาน 12 ปี
ค่าใช้จ่ายประมาณการที่ 1ล้านหกแสนบาท
คิดคำนวนจากราคารถ
อัลมีร่า รุ่น ES ปี 2011 รถมือหนึ่ง ดาวน์ 250000 ดอก 2.65%
จำลองสถานการณ์ เติมนํ้ามัน E20 ราคาลิตรละ 30.98 บาท
คำนวนอัตราสิ้นเปลืองที่ 14 กม/ลิตร (เป็นค่าเฉลี่ยจริงที่ขับในเมือง+นอกเมืองผสมกันไป)
มาดูกันว่าผ่านไปสิบสองปี คุณจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยเท่าไหร่
สำหรับ almera ถ้าวิ่ง เดือนละ 20000โล ใช้งาน 12 ปี
ค่าใช้จ่ายประมาณการที่ 1ล้านหกแสนบาท
คิดคำนวนจากราคารถ
อัลมีร่า รุ่น ES ปี 2011 รถมือหนึ่ง ดาวน์ 250000 ดอก 2.65%
จำลองสถานการณ์ เติมนํ้ามัน E20 ราคาลิตรละ 30.98 บาท
คำนวนอัตราสิ้นเปลืองที่ 14 กม/ลิตร (เป็นค่าเฉลี่ยจริงที่ขับในเมือง+นอกเมืองผสมกันไป)

แสดงความคิดเห็น
แลกเปลี่ยนความเห็น ชีวิตมนุษย์เงินเดือนกับเรื่องรถยนต์ส่วนตัวค่ะ
ทำไมท่านถึงยังไม่มีรถ เหตุผลอย่างเช่น
- ที่ทำงาน/ที่พัก ไม่มีที่จอด
- ไม่อยากมีภาระผ่อนแต่ละเดือน
- อยากเก็บเงินไว้ลงทุนหรือเปิดหูเปิดตามากกว่า
- ไม่มีเงินดาวน์
และอื่นๆ
อยากจะแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องรถยนต์ ขอบคุณค่ะ